ผลไม้ในฤดูกาลก็มีให้รับประทานอยู่แล้วมากมาย แต่ความต้องการของมนุษย์นั้นมีไม่สิ้นสุดจึงเกิดมีมนุษย์ที่มีความต้องการผลไม้นอกฤดูและขณะเดียวกันผลไม้นอกฤดูก็มีราคาสูง จึงเป็นที่ต้องการของเกษตรกรที่จะทำให้มีผลไม้ออกมาจำหน่ายนอกฤดูกาลมากขึ้น จึงมีงานวิจัยที่อาศัยความรู้ทางวิชาการด้านต่างๆ มาประยุกต์ใช้ให้ไม้ผลมีการออกดอกติดผลนอกฤดูกาลกันมากขึ้นจนเป็นที่ยอมรับของเกษตรกร ทั่วไป แนวทางการผลิตผลไม้นอกฤดูมีวิธีการต่างๆ หลายวิธีดังนี้
เก็บเกี่ยวจึงจะได้ผลไม้นอกฤดูตามที่ต้องการ
- ใช้พันธุ์ที่ออกดอกนอกฤดูอยู่แล้ว เช่น มะม่วงพันธุ์ทะวายต่างๆ น้ำดอกไม้ทะวาย พิมเสนมันทะวาย โชคอนันต์ เป็นต้น
- เลือกช่วงเวลาการปลูกให้ไม่ตรงกับคนอื่น ใช้กับไม้ผลที่มีอายุสั้นเมื่อถึงอายุก็ออกดอกติดผล เช่น กล้วย มะละกอ ปกติต้องอาศัยน้ำฝนจะปลูกต้นฤดูฝน หากมีน้ำชลประทานควรเลือกปลูกช่วงปลายฤดูฝนหรือฤดูแล้งจะทำให้มีผลผลิตจำหน่ายไม่ตรงกับเขตอื่น
- ใช้การตัดแต่งกิ่ง ทำกับไม้ผลที่เมื่อแตกกิ่งใหม่จะมีช่อดอกออกมาด้วย เช่น น้อยหน่า ฝรั่ง องุ่น เป็นต้น
- ใช้ปุ๋ยเคมี N.D.Bondad it af 1978 รายงานว่าโปแตสเซียมไนเตรทอัตราความเข้มข้น 1-4 เปอร์เซ็นต์ ทำให้มะม่วงพันธุ์คาราบาวแทงช่อดอกนอกฤดูกาลได้
- การใช้สารชะลอการเจริญเติบโต เช่น พาโคลบิวทราโซล ใช้กับมะม่วงโดยฉีดพ่นทางใบ
อัตรา 1,000-2,000 ppm. ทำให้มะม่วงออกดอกก่อนกำหนด 35 วัน ในปัจจุบันนิยมราดทางดินชิดโคนต้นระยะเหมาะสมของต้นที่จะใช้ต้องมีใบสีเขียวอ่อน ปริมาณสารต่อต้นเท่ากับความกว้างทรงพุ่มเป็นเมตรคูณด้วยค่าคงที่ของพันธุ์ คือ พันธุ์ออกง่ายให้ค่าคงที่เท่ากับ 10 ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้ ฟ้าลั่น ทองดำ หนองแซง เจ้าคุณทิพย์ แก้วลืมรัง ลิ้นงูเห่า โชคอนันต์ ส่วนพันธุ์ที่ออกยากให้ค่าคงที่ของพันธุ์ออกยาก เท่ากับ 15 ได้แก่ มะม่วงพันธุ์เขียวเสวย หนังกลางวัน อกร่อง แรด และพิมเสนมัน
การวางแผนการขายน้อยหน่าโดยการตัดแต่งกิ่ง
ตัวอย่างเช่น ปริมาณสารต่อต้นของมะม่วงพันธุ์เขียวเสวย ขนาดพุ่มต้น 4 เมตร
= ก x พ
= 4 x 15
= 60 ซีซี.คัลทาร์ 10%
= 60 กรัมพรีดิกซ์ 10%
= ก x พ
= 4 x 15
= 60 ซีซี.คัลทาร์ 10%
= 60 กรัมพรีดิกซ์ 10%
ปริมาณสารต่อต้นในมะม่วงน้ำดอกไม้พุ่มต้น 4 เมตร
= ก x พ
= 4 x 10
= 40 ซีซี.คัลทาร์ 10%
= 40 กรัมพรีดิกซ์ 10%
= ก x พ
= 4 x 10
= 40 ซีซี.คัลทาร์ 10%
= 40 กรัมพรีดิกซ์ 10%
เมื่อคำนวณสารต่อต้นได้แล้วเอาสารละลายในน้ำ 2 ลิตร คนให้เข้ากัน ราดชิดโคนต้น เมื่อราดสารแล้วให้รดน้ำแก่ดิน บริเวณพุ่มต้นไม้ให้ชุ่ม ระดับ 10-15 เซนติเมตร ทุก 5 วัน อีก 4-5 ครั้ง เพื่อให้สารขึ้นไปที่ยอด ระยะเวลาเกิดตาดอก พันธุ์ออกง่าย 60-70 วัน พันธุ์ออกยาก 90-120 วัน การใส่ในช่วงฤดูฝน บางครั้งตาดอกอาจเกิดเป็นตาใบได้ ควรป้องกันโดยในพันธุ์ออกง่ายเมื่อใส่สารพาโคลบิวทราโซลได้ 1 เดือน ควรพ่นปุ๋ย 0-52-34 (โมโนโปแตสเซี่ยมฟอสเฟต) อัตรา 150 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร 2 ครั้ง ห่างกัน 10 -14 วัน พันธุ์ออกยากควรพ่นเมื่อใส่สารพาโคลบิวทราโซลได้ 2 เดือน เมื่อครบกำหนดเกิดตาดอกที่ยอดใช้โปแตสเซี่ยมไนเตรท 500 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือไธโอยูเรีย 100 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นให้ตาดอกเจริญเป็นช่อออกมา และดูแลรักษาให้ติดผลและเก็บเกี่ยวได้ต่อไป
ตารางแนวทางการใช้สารพาโคลบิวทราโซลเพื่อการผลิตนอกฤดูสำหรับมะม่วงพันธุ์ออกง่าย
ตารางแนวทางการใช้สารพาโคลบิวทราโซลเพื่อการผลิตนอกฤดูสำหรับมะม่วงพันธุ์ที่ออกยาก
หมายเหตุ
1.ใช้สารคัลทาร์ให้เกิดตาดอก
2.ใช้โปแตสเซียมไนเตรท 2.5 เปอร์เซ็นต์ หรือไธโอยูเรีย 0.5 เปอร์เซ็นต์ ให้ช่อดอกเจริญ
3. ดอกบาน
4. เก็บเกี่ยวผล
1.ใช้สารคัลทาร์ให้เกิดตาดอก
2.ใช้โปแตสเซียมไนเตรท 2.5 เปอร์เซ็นต์ หรือไธโอยูเรีย 0.5 เปอร์เซ็นต์ ให้ช่อดอกเจริญ
3. ดอกบาน
4. เก็บเกี่ยวผล
การทำนอกฤดูต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้มีดอกบานในช่วงฝนชุก
หิรัญ หิรัญประดิษฐ์ และคณะ (2542) ได้ทดลองสารพาโคลบิวทราโซลกับทุเรียนและก่อนใช้สารต้องมีการเตรียมความพร้อมของต้นทุเรียนซึ่งมีปฏิบัติดังนี้ การเร่งให้ทุเรียนแตกใบอ่อนด้วยการตัดแต่งกิ่ง เช่น การตัดแต่งกิ่ง กิ่งที่เป็นโรค กิ่งแขนงด้านในพุ่มและกิ่งเล็กๆ ที่อยู่ส่วนปลายกิ่งออก โดยเฉพาะกิ่งที่ชี้ลงหรือกิ่งที่ชี้ตั้งขึ้น เลือกกิ่งที่สมบูรณ์ขนานแนวพื้นไว้ แล้วใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 พร้อมให้น้ำ ทุเรียนจะแตกใบอ่อนให้สมบูรณ์ โดยป้องกันกำจัดโรคและแมลงไม่ให้ใบถูกโรคและแมลงทำลาย
การใช้สารพาโคลบิวทราโซลที่มีความเข้มข้น 1,00-15,000 พีพีเอ็ม (สารชนิด 10% ใช้อัตรา 200-300 ซีซี.ต่อน้ำ 20 ลิตร) ต้นทุเรียนที่พร้อมจะฉีดพ่นใบต้องเป็นใบแก่ สีเขียวเข้มเป็นมัน มีการแตกใบอ่อนหลายชั้นในช่วงที่ผ่านมา การฉีดพ่นควรฉีดพ่นให้ถูกกิ่งอ่อน เป็นตำแหน่งที่สารพาโคลบิวทราโซลจะเข้าสู่พืชได้ดีและสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายไปสะสมและทำปฏิกิริยา
การฉีดพ่นต้องปรับหัวฉีดให้เป็นฝอย ฉีดพ่นทั้งภายในและภายนอกทรงพุ่มให้เปียกพอสม่ำเสมอและต้องฉีดพ่นให้เสร็จก่อนฝนตกประมาณ 2 ชั่วโมง
เมื่อทุเรียนดอกบานต้องช่วยผสมเกสรและควบคุมการให้ปุ๋ยให้น้ำให้พอเหมาะ เมื่อผลทุเรียนโตขึ้นจะต้องมีการตัดแต่งผลให้เสร็จภายในสัปดาห์ที่ 4 หลังจากดอกบานโดยตัดแต่งผลที่บิดเบี้ยว มีขนาดเล็ก หรือต่างรุ่นออกให้ผลอยู่ในตำแหน่งที่มีระยะห่างที่พอเหมาะ เมื่อผลโตขึ้นจะได้ไม่เบียดกัน
6. การใช้สารเคมีอื่นๆ เช่น โปแตสเซียมคลอเรต พาวิน มะโนชัย (2542) รายงานว่าหลังจากบังคับให้ไม้ผลออกดอกได้แล้วต้องดูแลให้ติดผลและผลเจริญเติบโตถึงแก่
โปแตสเซียมคลอเรทสามารถทำให้ลำไยออกนอกฤดูกาลได้ โดยลำไยอีดอใช้สารดังกล่าว 8 กรัมต่อตารางเมตร สำหรับพันธุ์ชมพูใช้สารดังกล่าวอัตรา 1 กรัมต่อตารางเมตรจะทำให้ออกดอก 100 เปอร์เซ็นต์ โดยลำไยจะต้องได้รับการปฏิบัติดูแลโดยการตัดแต่งกิ่ง ใส่ปุ๋ย ให้น้ำ จนแตกกิ่งใหม่และมีใบแก่อย่างสมบูรณ์ โดยสังเกตจากสายตาว่ามีใบสีเขียวเข้ม แล้วจึงใช้สารโปแตสเซียมคลอเรท ผสมน้ำ 20 ลิตรราดดินบริเวณแนวชายทรงพุ่มแต่ก่อนใส่สารและหลังใส่สารควรรดน้ำให้กับต้นลำไยให้ดินชุ่มอยู่เสมอ
เก็บเกี่ยวจึงจะได้ผลไม้นอกฤดูตามที่ต้องการ